บริการของเรา

บริการฟื้นฟูซ่อมแซมความเสียหายจากน้ำท่วม

Workers PPE address water damage in an industrial facility, with a generator and large water containers

ความเสียหายจากน้ำอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ท่อน้ำรั่ว ท่ออุดตัน หรือน้ำท่วม ซึ่งระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างกันไปมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:

  • แหล่งที่มาของน้ำ (เช่น น้ำรั่วจากถังเก็บน้ำบนอาคาร หรือน้ำท่วมจากภายนอกที่ไหลเข้ามาแนวราบ)

  • โครงสร้างหรือวัสดุก่อสร้างของอาคาร

  • ประเภทของทรัพย์สินหรืออุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ

  • ระยะเวลาที่น้ำขังหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

  • สภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิภายนอก

ป้องกันก่อนปัญหาน้ำจะกลายเป็นวิกฤต

เมื่อเกิดความเสียหายจากน้ำภายในอาคาร หากไม่ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็วและเหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรง เช่น การกัดกร่อนของวัสดุ การเกิดเชื้อรา และความเสียหายต่อโครงสร้างอาคาร ซึ่งลุกลามได้มากกว่าที่คาดคิด

น้ำที่ขังอยู่ในพื้นที่เป็นเวลานานมีแนวโน้มที่จะปนเปื้อนมากขึ้น และหากปล่อยไว้นานโดยไม่จัดการ ความเสี่ยงในการเกิดการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ (Microbial Growth) และความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในจะเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ

ทำไมต้องใช้บริการฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำโดยมืออาชีพ

การอบแห้งโครงสร้างอาคารอย่างถูกต้องไม่ใช่แค่เรื่องของการเปิดพัดลมหรือตากลมธรรมดา แต่เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และอุปกรณ์พิเศษในการจัดการ

แม้จะมีผู้รับเหมาหรือแหล่งบริการบางรายอ้างว่าสามารถ “ซ่อมเร็ว” ได้ทันที แต่แนวทางเหล่านี้อาจมีความเสี่ยง เนื่องจากหากยังมีน้ำตกค้างอยู่ภายในโครงสร้างโดยที่มองไม่เห็น หรือไม่ได้รับการอบแห้งอย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถก่อให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในภายหลัง

ตัวอย่างระยะเวลาอบแห้งโดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม:

  • พรม: ใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงขึ้นไปในการอบแห้ง

  • ผนังยิปซั่มที่เปียกปานกลาง: ใช้เวลา 1–3 วัน

  • พื้นไม้ ผนังปูนซีเมนต์ หรือโครงไม้: อาจใช้เวลาถึง 7–10 วันในการแห้งสนิท

หากไม่มีการจัดการที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ความชื้นตกค้างอาจนำไปสู่ เชื้อรา กลิ่นอับ และความเสียหายโครงสร้างในระยะยาวได้

ทำไมต้องเลือก BELFOR

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำรั่วเล็กน้อย หรืออุทกภัยครั้งใหญ่ BELFOR มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในเอเชีย ในการฟื้นฟูสภาพอาคารที่ได้รับความเสียหายจากน้ำ ผู้เชี่ยวชาญของเราผ่านการฝึกอบรมและได้รับใบรับรองจาก IICRC (Institute of Inspection Cleaning and Restoration Certification) ด้านการฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำอย่างมืออาชีพ

ขั้นตอนการตรวจสอบความเสียหายหน้างาน

ผู้เชี่ยวชาญของเราจะเข้าไปตรวจสอบสถานที่จริง โดยใช้เกณฑ์หลัก 3 ข้อ:

  1. ปริมาณและขอบเขตของความเสียหายที่เกิดขึ้น

  2. ระดับของการปนเปื้อนในน้ำ

  3. เปรียบเทียบระหว่างค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนใหม่ กับการฟื้นฟูสภาพ

ขั้นตอนการฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำของเรา

1. หยุดต้นเหตุของน้ำ

ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือต้องระบุต้นตอของน้ำ และทำให้แน่ใจว่าสามารถหยุดได้อย่างสมบูรณ์

2. ตรวจสอบประเภทและขอบเขตของความเสียหาย

เราจะทำการตรวจสอบโครงสร้างของอาคาร เพื่อประเมินว่าเกิดความเสียหายแบบใด ในพื้นที่ใด และมากน้อยแค่ไหน

3. ประเมินความเสียหาย

ขั้นตอนนี้จะประเมินประเภทของน้ำ (Category 1, 2 หรือ 3) และระดับของการปนเปื้อน รวมถึงพิจารณาว่าสิ่งของใดสามารถฟื้นฟูได้ และสิ่งใดควรต้องเปลี่ยนใหม่

ประเภทของน้ำ:

  • Category 1: น้ำสะอาดจากแหล่งที่ถูกสุขอนามัย เช่น ท่อน้ำประปารั่ว อ่างล้างมือล้น หรือฝนตกลงมาโดยตรง

  • Category 2: น้ำที่มีการปนเปื้อนปานกลาง เช่น น้ำจากเครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า หรือชักโครกที่ล้น (มีปัสสาวะแต่ไม่มีของเสีย)

  • Category 3: น้ำที่มีการปนเปื้อนอย่างรุนแรง เช่น น้ำเสีย น้ำท่วมจากแม่น้ำ ทะเล หรือท่อระบายน้ำย้อนกลับ

4. การดูดน้ำออก

เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว เราจะเริ่มขั้นตอนการดูดน้ำที่ค้างอยู่ และลดความชื้นตกค้างในพื้นที่

5. การอบแห้ง

หลังจากน้ำถูกดูดออกแล้ว ต้องรีบดำเนินการอบแห้งอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของโครงสร้างอาคาร พื้นที่ และวัสดุต่าง ๆ เช่น พรม ผนัง หรือของใช้ภายใน

6. การใช้สารยับยั้งเชื้อโรค

ขั้นตอนนี้จะพิจารณาตามระดับของการปนเปื้อน หากพบว่ามีความเสี่ยงสูง จะใช้สารต้านจุลชีพเพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย

7. การบรรเทาความเสียหาย (Loss Mitigation)

เราจะร่วมมือกับคุณในการวางแผนป้องกันความเสียหายในระยะยาว เช่น การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ยกของขึ้นที่สูง หรือจัดเก็บสิ่งของที่อาจได้รับผลกระทบจากความชื้นในอนาคต

เทคโนโลยีและความแม่นยำในการตรวจสอบความเสียหายที่ซ่อนอยู่

น้ำสามารถซึมเข้าสู่จุดที่คาดไม่ถึง เช่น ผนัง พื้น หรือช่องว่างภายในโครงสร้าง หากไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด ความชื้นที่ซ่อนอยู่อาจกลายเป็นปัญหาในภายหลัง

ผู้เชี่ยวชาญของเราผ่านการฝึกอบรมเพื่อค้นหาความชื้นแฝง โดยใช้เครื่องมือเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น:

  • กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imaging Camera)

  • เครื่องวัดความชื้นระบบอิเล็กทรอนิกส์

  • เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น (Thermo-hygrometers)

  • เครื่องลดความชื้น (Dehumidifiers)

  • พัดลมแรงดันสูง และเครื่องฟอกอากาศ

BELFOR Thailand พร้อมด้วยอุปกรณ์ครบชุดในการอบแห้ง กู้คืน และฟื้นฟูสภาพอาคารจากความเสียหายที่เกิดจากน้ำ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า พื้นที่ของคุณจะได้รับการฟื้นฟูอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด

Checklist หลังเกิดเหตุจากน้ำ

หากเกิดเหตุการณ์น้ำรั่วหรือน้ำท่วมภายในอาคาร สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อเริ่มขั้นตอนการทำความสะอาดและซ่อมแซมให้เร็วที่สุด โปรดติดต่อบริษัทประกันภัยของคุณทันที

สิ่งที่ควรทำทันทีหลังเกิดเหตุ:

  • ปิดระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับผลกระทบ และทำให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถเปิดใช้งานได้โดยไม่ได้ตั้งใจ

  • หากท่อน้ำแตก ให้ปิดวาล์วหลักของน้ำทันที และรีบดำเนินการซ่อมแซม

  • กำจัดน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่ โดยใช้เครื่องดูดน้ำหรืออุปกรณ์ดูดแบบแรงดัน

  • ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปียกและแห้ง ผ้าหรือไม้ถูพื้น เพื่อซับน้ำออกจากพื้นให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้

  • หากเอกสารเปียกน้ำ อย่าเร่งทำให้แห้งและอย่าเปิดฮีตเตอร์ ควรเก็บเอกสารในภาวะชื้นไว้ก่อน แล้วนำไปแช่แข็ง (Deep Freeze) เพื่อป้องกันการเสียหายเพิ่มเติม

  • ไม่ควรใช้เครื่องลดความชื้น (Dehumidifier) ในช่วงแรกของการฟื้นฟู โดยเฉพาะในกรณีที่มีเอกสารสำคัญเปียกน้ำ

หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำ BELFOR Thailand พร้อมให้คำปรึกษาและเข้าช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอน

ความเชี่ยวชาญที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับทุกประเภทเคลม

BELFOR ตระหนักถึงความยากลำบากที่ธุรกิจของคุณต้องเผชิญหลังเหตุภัยพิบัติ

ทีมของเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการและให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมแก่คุณเสมอ

ติดต่อทีมงานของเรา
ติดต่อทีมงานของเรา